ขอ(เวลา)คืน - ขอ(เวลา)คืน นิยาย ขอ(เวลา)คืน : Dek-D.com - Writer

    ขอ(เวลา)คืน

    ผู้เข้าชมรวม

    288

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    288

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ธ.ค. 55 / 11:35 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      .... กำลังใจอาจจะสร้างใหม่ ไม่นานมันคงจะกลับมา....
      .... วันเวลาที่มันหายไป ขอคืนได้ไหมเวลา....

      หากใครยังคงจดจำเสียงแหบสนิทศิษย์เฮียฮ้อของพี่ต๊ะบอยสเก๊าท์ได้ ท่อนนี้คงเป็นอีกท่อนที่ฮิตติดหูแทบแนบสนิทของพวกชาวเหล่าลูกเสือป๊อบแดนซ์ คนอายุราวคราวยี่สิบต้นๆ ถึงปลายๆ คงจะคุ้นเคยกับเสียงแหบๆที่เป็นเอกลักษณ์นี้ได้เป็นอย่างดี

      แต่ถ้าเป็นสมัยนี้พูดถึงบอยสเก๊าท์ทีไร ผมคงจะเห็นแต่ภาพรถสามล้อสั่นกระดิ่ง พร้อมไอติมตักใส่ถ้วยที่คุณน้ากำลังบีบชอกโกแลตลาวาราดลงบนไอติม พร้อมทั้งราดถั่วลิสงโปะลงไปก่อนเสริฟถึงมือเราแทน




      แม้บอยสเก๊าท์แต่ละยุคจะมีการพัฒนาในด้านดนตรี หรือความอร่อยขึ้นมากเพียงใด สิ่งหนึ่งที่ยุคสมัยของผมจดจำได้อย่างดิบดีก็คือ ท่อนฮุคที่พี่ต๊ะ กำลังร้องตะโกนอย่างสุดเสียงว่า

      .... ขอคืน แล้วไปเริ่มใหม่....

      แต่ก่อนเคยสงสัยว่าการตะโกนอย่างสุดเสียงของพี่ต๊ะในท่อนฮุควันนั้น พี่ต๊ะกำลังจะขอให้ใครคืนอะไร คืนอย่างไร แล้วมันหายไปที่ไหน

      หลังจากฟังจบจนเพลง ลองมาพินิจพิเคราะห์ดูแล้วก็พบว่า พี่ต๊ะน่าจะกำลังขอคืนสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งจากช่างทำนาฬิกา

      สิ่งนั้นคือ "เวลา"

      สิ่งของบางอย่างที่เราทำหล่นหาย ยังสามารถซื้อมาทดแทนได้ แต่กับเวลาที่หายไป กลับไม่มีสิ่งวิเศษอันใดที่จะสามารถแลกเปลี่ยนกลับมาเป็นเวลาได้เลยแม้แต่น้อย

      เดือนก่อนเพื่อนผมคนหนึ่งทำสิ่งของอย่างหนึ่งหายบนรถแท็กซี่ จากการซักไซ้ไต่ถามดูแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นของที่ไม่ได้มีมูลค่าแพงซักเท่าไหร่นัก แต่การหายไปของสิ่งของสิ่งนี้ไม่สามารถถูกทดแทนจากการได้ของชิ้นใหม่ที่มีลักษณะเหมือนเดิมได้เลย

      สิ่งที่มาช่วยเพิ่มคุณค่าคงไม่ใช่ใครคนใดจากแดนไกลไหน "เวลา" ดีดีนี่เอง

      พี่นิ้วกลมเคยเล่าเรื่องการเดินทางให้ผมฟังผ่านหน้าต่างบานสีฟ้าว่า ทุกๆการเดินทางพี่นิ้วจะเริ่มต้นจากการพกหน้ากระดาษอันว่างเปล่า ตลอดการเดินทางกระดาษแผ่นว่างๆจะถูกร่างขึ้นจากความทรงจำ แต่งเติมความคมชัดด้วยไอเดียดีๆ และระบายสีตบทับด้วยความคิดแปลกใหม่ พอจบทริปการเดินทางแต่ละครั้ง สมุดที่ดูขาวสะอาดเล่มนั้นกลับกลายร่างไปเป็นหนังสือแง่คิดดีดีซักเล่มที่ตั้งตระหง่านอยู่ตามร้านหนังสือทั่วไป



      ถ้าสมุดที่จดบันทึกเกิดหล่นหายระหว่างทาง คงไม่ง่ายดายนักที่ใช้ประตูวิเศษย้อนเวลากลับไปหาต้นตอของเนื้อเรื่อง เพราะบางความคิด หรือความรู้สึกอาจจะไม่เหมือนเดิมไปอีกแล้ว  เวลาจึงเปรียบเสมือนเวทมนต์มหัศจรรย์ที่ช่วยให้เราสามารถออกเดินทางเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ๆได้เสมอ

      นักวิ่งในสนามแข่งมาราธอนเชื่อว่าเวลาคือเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับการแข่งขัน การตัดสินชัยชนะจึงขึ้นอยู่ที่เวลา เวลาจะอยู่เคียงข้างเราเสมอในยามออกสตาร์ท ขณะออกวิ่งไปครึ่งทาง หรือตอนวิ่งเข้าเส้นชัย แต่บางครั้งการที่นักวิ่งยึดติดกับความเสียหายอดีต หรือความกังวลในอนาคตมากเกินไป กลับทำให้มองไม่เห็นเพื่อนที่แสนดีอย่างเวลาที่กำลังวิ่งอยู่ข้างๆ

      แปลกดีนะที่ ความสุข ความสนุก มักจะเกิดขึ้นในเวลาปัจจุบันขณะ ตรงกันข้ามกับความทุกข์ ความเศร้า ความกังวล ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับเวลาในอดีตหรืออนาคต

      หากชีวิตการทำงานเปรียบได้กับการวิ่งมาราธอนในระยะทาง 60 กิโลเมตร ตอนนี้นักวิ่งทุกคนน่าจะใช้กำลังที่เหลืออยู่หอบร่างกายตัวเองมาจนถึงจุดหยุดพักเพื่อให้น้ำในจุดแรกที่ 30 กิโลเมตร

      แม้ระยะทางในครึ่งแรกจะทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับร่างกาย จิตใจ ความคิดที่อยากจะล้มเลิก อาจจะบั่นทอนความตั้งใจที่เต็มเปี่ยมจากวันแรกที่เราเริ่มสวมรองเท้าวิ่งคู่นี้

      เส้นทางต่อจากนี้ไป พวกเรามาลองเปลี่ยนมุมมองไปข้างหน้าต่อระยะทางที่เหลือกันดีกว่า จะใช้ความสุข ความสนุกสนานในการวิ่งต่อไป หรือจะเลือกใช้ความทุกข์ ความเศร้า ความกังวลกับระยะทางที่เหลืออยู่เหมือนเดิม

      การหกล้ม ณ จุดออกตัว ตะคริวที่เกือบจะกินตั้งแต่ 18 กิโลเมตรแรก หรือความคิดที่จะล้มเลิกในที่ 25 กิโลเมตรถัดมา คือประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม หากไม่มีเขาคงไม่มีเรา ณ จุดที่ยืนพักอยู่ตรงนี้

      ดื่มน้ำ ณ จุดพักนี้ให้เพียงพอ แล้วกวักมือเรียกเพื่อนคู่ใจที่ชื่อ "เวลา" กลับมายืนข้างๆ กันอีกครั้ง แล้วหันไปกระซิบบอกเขาเบาๆว่า

      ฉันมีเวลาอยู่ตรงนี้ ฉันจะอยู่กับเวลาที่มีความสุขตลอดระยะทาง และนี่จะเป็นเวลาที่สนุกที่สุดเท่าที่เคยผ่านมา

      ต้นทุนที่สำคัญที่สุด คือ "เวลา" แต่ไม่ใช่เวลาที่เสียไป ต้นทุนที่แท้จริงจะถูกก่อร่างเป็นกำไรของชีวิตจากเวลาที่เหลืออยู่ของเรา

      ก่อนจบผมคงต้องกระซิบเบาๆบอกพี่ต๊ะก่อนว่า ไม่ต้องขอ(เวลา)คืนหรอกครับ ลองตัดประโยคหน้าของท่อนฮุคออกไป แล้วพี่ต๊ะก็ "ไปเริ่มใหม่" เดี๋ยวนี้เลยครับ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×